Protocol & DNS
#HelloInfra #HelloErmine #HelloWorld2021
Protocol คือ?
Protocol คือ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งทำให้สามารถติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างกันได้อย่างสะดวก
ประเภทของ Protocol
IP address คือ?
เป็นตัวแทนของเครื่องคอมพิวเตอร์ในโลกใบนี้ สามารถบอกได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ที่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเลข ip address จะไม่ซ้ำกัน พูดง่าย ๆ ก็เหมือนเลขที่บ้านที่ไม่ซ้ำกัน เพราะถ้าซ้ำการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายก็อาจจะงงได้ว่าต้องส่งข้อมูลไปที่ไหนกันแน่ ชื่อเรียกเต็มของ ip address คือ Internet Protocol Address จะประกอบไปด้วยตัวเลข 4 ชุด
ปัจจุบันมาตรฐานของ IP address มี 2 แบบ คือ
IPv4
ตัวเลข 32 บิต (เขียนรูปเลขฐานสิบ)
Ex.
192.168.1.1
IPv6
ตัวเลข 32 บิต (เขียนรูปเลขฐานสิบ)
Ex.
2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334
Port คือ?
Port จะรับข้อมูลที่เดินทางจากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยจะช่วยให้ข้อมูลต่าง ๆ วิ่งผ่านโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือวิ่งจากอินเทอร์เน็ตหรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่ายเดียวกันไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณ
Port ต่าง ๆ จะมีตัวเลขกำกับเพื่อความสอดคล้องกันและเพื่อเหตุผลด้านการเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ฟังก์ชันหรือระบบยืนยันตัวตนจะใช้หมายเลข Portเดียวกันบนเซิร์ฟเวอร์รับข้อมูล หมายเลขพอร์ตและ IP address ของผู้ใช้งานจะสร้างข้อมูลว่า “ใครทำอะไร” ซึ่งมีการจัดเก็บโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) ทุกราย
Port number
Use
20
File Transfer Protocol (FTP) Data Transfer
21
File Transfer Protocol (FTP) Command Control
22
Secure Shell (SSH) Secure Login
23
Telnet remote login service, unencrypted text messages
25
Simple Mail Transfer Protocol (SMTP) e-mail routing
53
Domain Name System (DNS) service
80
Hypertext Transfer Protocol (HTTP) used in the World Wide Web
110
Post Office Protocol (POP3)
119
Network News Transfer Protocol (NNTP)
123
Network Time Protocol (NTP)
143
Internet Message Access Protocol (IMAP) Management of digital mail
161
Simple Network Management Protocol (SNMP)
194
Internet Relay Chat (IRC)
443
HTTP Secure (HTTPS) HTTP over TLS/SSL
Domain Name คือ?
ชื่อเว็บไซต์ของเราที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ แล้วใช้งานได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้งานเป็น IP เพราะยากต่อการจดจำ แต่ในทางเทคนิค ระบบการทำงานเชื่อมต่อระหว่าง Server ไม่สามารถใช้ชื่อโดเมนในการสื่อสารได้ จึงต้องมี DNS มาทำหน้าที่การแปลงชื่อโดเมนเนมดังกล่าวเป็นหมายเลขไอพีแอดเดรส (IP Address) นั้นเอง
การที่เราจะจดชื่อ domain ได้นั้นเราต้องเลือกก่อนว่าจะให้อยู่ภายใต้ domain อะไร เช่น * .com
คือ บริษัท หรือ องค์กรพาณิชย์
* .org
คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร
* .net
คือ องค์กรที่เป็นเกตเวย์ หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย
* .edu
คือ สถาบันการศึกษา
* .gov
คือ องค์กรของรัฐบาล
* .mil
คือ องค์กรทางทหาร
Domain Name System (DNS) คือ?
ระบบที่ทำหน้าที่แปลง Domain Name ไปสู่ IP Address ซึ่งเป็นค่าตัวเลขที่ Browsers ใช้ในการโหลดหน้าอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตนั้น จะมีเลข IP Address เป็นของตนเอง ซึ่งใช้สำหรับเป็นชื่อที่ให้อุปกรณ์อื่น ๆ ใช้ในการระบุตัวตน
ระบบนี้ทำให้เราสามารถพิมพ์ข้อความลงบนเบราว์เซอร์เว็บไซต์เป็นคำ หรือชื่อของเว็บนั้น ๆ อาทิเช่น google.com, techforteam.com หรือ addin.co.th เป็นต้น เพื่อทำเปิดหน้า Page ที่ต้องการขึ้นมา แทนที่จะต้องมานั่งคอย Track และพิมพ์ IP Address ของทุก ๆ Website แทน
ขั้นตอนการทำงานของ DNS

ในขณะที่มีผู้ใช้งานเรียกใช้งาน URL : Domain เช่น www.sanook.com ระบบจะไม่สามารถพาไปที่ Web ดังกล่าวได้ เนื่องจากการทำงานของ Server จะไม่เข้าใจ URL ดังกล่าว ระบบจะเข้าใจตัวเลข IP เท่านั้น จึงต้องมีการแปลง URL : www.sanook.com เป็น IP 203.151.129.219 ก่อน เพื่อให้สามารถเรียกใช้งานเว็บดังกล่าวได้ ซึ่งตัวหลักสำคัญ คือ การทำงานของ Domain Name System (DNS) นั้นเอง
ระบบ DNS จะมี การเก็บชื่อและ IP Address ของ Server ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบลักษณะการทำงานจะเป็นแบบ Client/Server โดยที่ตัว Server จะเป็นตัวเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่เรียกว่าเป็น DNS Server
เมื่อ DNS Server หาเลข IP ที่ถูกต้องได้แล้ว Browser จะนำเลขนั้นมาประมวลผลต่อเพื่อใช้ส่งข้อมูลไปยัง Content Delivery Network (CDN) Server เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ข้อมูลต่าง ๆ ของ Website จะสามารถเข้าถึงได้โดย User ทันที สรุปง่าย ๆ คือ DNS Server ทำหน้าที่หาและเชื่อมต่อกับเลข IP Address สำหรับเว็บไซต์ Uniform Resource Locator (URL) นั่นเอง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเร็ว
สถานที่ตั้งของ DNS Server นั้น ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อความเร็วที่สุด ในส่วนของความไวในการตอบสนองต่อคำขอ ซึ่งผู้ให้บริการ Internet ส่วนใหญ่นั้น จะกระจาย Server ของตนไว้ทั่วรอบโลกเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในทุกสถานที่ ให้เลือกใช้ตัว DNS Server ที่ใกล้ที่สุดนั่นเอง หากใครเลือกใช้ DNS Server ที่อยู่ไกล ก็อาจจะส่งผลให้การเชื่อมต่อและตอบสนองช้าลง เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ประสิทธิภาพแรง ๆ แนะนำให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ Location ใกล้ ๆ
การเข้าถึง Website ที่เคยเข้าไปแล้วก็อาจจะเร็วขึ้นเช่นกันเพราะข้อมูลครั้งก่อนหน้าบางส่วน ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์แล้วด้วยในลักษณะ Cache ที่ผมกล่าวถึงก่อนหน้านั่นเอง
Last updated
Was this helpful?